วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

นายกฯ "ยิ่งลักษณ์" เผยผลการหารือทวิภาคี "มาเลเซีย"

8 กันยายน 2555 - ในช่วงเช้าที่ผ่านมา (เวลาประเทศไทย) ก่อนเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปค ครั้งที่ 20  นายกรัฐมนตรี นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบหารือทวิภาคีกับ 3 ผู้นำเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานาธิบดีชิลี และ ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางการถึงผลการหารือ ดังนี้  
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซียว่า ในการหารือนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ต่างยืนยันความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของสองประเทศ โดยมีการหารือถึงแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ซึ่งในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม หรือ Joint Commissionและจะได้มีการหยิบยกเรื่องความมั่นคง โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ซึ่งจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจตราการข้ามแดนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น นอกจากนี้ จะมีการแก้ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ซึ่งต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด รวมทั้งการพัฒนาเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่  

นอกจากนี้ ได้หารือเพื่อเร่งรัดการสร้างเสถียรภาพราคายางพารา เพราะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาร่วมกันของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยไทยจะเร่งรัดให้มีการหารือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพราะเห็นว่าการรักษาราคายางให้มีเสถียรภาพถือเป็นเรื่องเร่งด่วน นอกจากนี้ยังเห็นว่าควรมีความร่วมมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยางพาราในระยะยาวเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนไปควบคู่กัน  

ทั้งนี้ กรณีที่กลุ่มก่อความไม่สงบนำธงชาติมาเลเซียไปติดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยและมาเลเซียต่างยืนยันความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเป็นไปด้วยดี แม้ว่าจะมีความพยายามสร้างสถานการณ์ก็ตาม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ให้ความมั่นใจพร้อมกับย้ำว่าสองประเทศจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาและสร้างความสงบให้เกิดขึ้น ทั้งนี้มาเลเซียเห็นด้วย และสนับสนุนแนวทางของไทยในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีควบคู่ไปกับการพัฒนา ซึ่งไทยได้แจ้งให้มาเลเซียทราบถึงความคืบหน้าในการเพิ่มบุคลากรและงบประมาณทั้งด้านการศึกษาและการสร้างอาชีพในพื้นที่  มาเลเซียในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน การได้พบหารืออย่างสม่ำเสมอถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแสวงหาความร่วมมือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่บริเวณด่านสะเดา เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของอาเซียนอีกทางหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น