วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"ยิ่งลักษณ์" เผยแผนรับมือน้ำ เพิ่มความมั่นใจประชาชน



1 กันยายน 2555 - รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ได้นำเทปบันทึกภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดนิทรรศการ "มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน" วันที่ 31 ส.ค. ที่ศูนย์การประชุมบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้นำเอาประสบการณ์ด้านวิกฤตมหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา นำมาปรับปรุง แก้ไข และเตรียมพร้อมรับมือภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น รวมถึงได้น้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักในการทำงาน โดยยึดหลัก 2P2R คือ

1. การป้องกัน (Protection) แบ่งตามพื้นที่ของต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยการป้องกันของพื้นที่ต้นน้ำจะเน้นชะลอการไหลของน้ำโดยการปลูกป่า สร้างฝายชะลอน้ำ และปลูกหญ้าแฝก ขณะที่พื้นที่กลางน้ำต้องบริหารปริมาณน้ำในเขื่อนให้เหมาะสมและคำนึงถึงภัยแล้งด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รักษาระดับน้ำในเขื่อนไว้ที่เฉลี่ยประมาณร้อยละ 50 เพื่อจัดเตรียมการรองรับน้ำไว้ในเขื่อน รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่รับน้ำนอง 2.1 ล้านไร่ และปรับปรุงซ่อมแซมประตูระบายน้ำตามเขื่อนต่างๆ ที่สำคัญ

ส่วน พื้นที่ปลายน้ำ เน้นการขุดลอกคูคลองเพื่อให้น้ำไหลลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ทั้งทางฝั่งตะวันออก ตะวันตก นอกจากนี้ จะมีการเสริมถนนเพิ่มแนวคันกั้นน้ำจาก 1 ชั้นในปีที่แล้ว เป็น 3 ชั้น เพื่อปกป้องพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจของไทย รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม และเพิ่มระบบการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เกิดเหตุน้ำนองในปีที่ผ่านมา ด้วย

2. การเตรียมพร้อม (Preparation) ได้มีการบูรณาการสร้างระบบคลังข้อมูลแห่งชาติใหม่ โดยบูรณาการข้อมูลจาก 17 หน่วยงานให้เข้ามาอยู่ ณ ศูนย์เดียวกัน มีการประเมินและวิเคราะห์ทั้งหมดเป็นระบบสั่งการเดียว หรือ Single Command เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ การทำแบบจำลอง การสั่งการ การจัดการ และการเตือนภัยทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติที่มีขั้นตอนต่างๆ ต่อเนื่องในแต่ละลำดับ รวมถึงมีผู้รับผิดชอบชัดเจนลงไปยังทุกพื้นที่ชุมชน

3. การรับมือ (Response) ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือการเกิดอุทกภัยในทุกระดับของความรุนแรง ว่าจะต้องมีการยกระดับการเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ ผู้บริหารที่จะต้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบ และในการบูรณาการอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ในปีที่ผ่านมา เพื่อความพร้อมในการเผชิญเหตุและแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที และ

4. คือการฟื้นฟู (Recovery) รัฐบาลมีการกำหนดหลักเกณฑ์และสิทธิการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกกรณี ทั้งทางด้านของตัวผู้ประสบภัย ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านแพทย์ และการสาธารณสุข รวมถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำนอง หรือเส้นทางที่น้ำผ่าน เป็นต้น

ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชนว่า การจัดดนิทรรศการ มุ่งมั่นทำงานบริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชนมุ่งหวังชี้แจงสถานการณ์น้ำและการเตรียมพร้อมแก้ปัญหาน้ำแก่ประชาชน รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยจัดงานในรูปแบบนิทรรศการ บอร์ดภาพ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งการแก้ปัญหาได้น้อมนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่สำคัญ ทั้งนี้รัฐบาลได้ติดตั้งกล้องซีซีทีวี ตามเขื่อนและแม่น้ำสำคัญ ทำให้ศูนย์คลังข้อมูลในส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร ทราบถึงปริมาณน้ำและแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งต่างจากปีที่ผ่านมาที่ต้องลงพื้นที่ดูสถานการณ์ และจากการชี้แจงกับคณะทูตานุทูตและนักลงทุน ขณะนี้สร้างความมั่นใจได้มากขึ้น

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคลังข้อมูลแห่งชาติ ที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดจาก 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อนำมาวิเคราะห์ใช้วางแผนบริหารจัดการน้ำทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง ให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถเข้าไปติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำและการเตือนภัยได้ที่ www.waterforthai.com และที่แอปพลิเคชัน water4thai ซึ่งรัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบและการป้องกันอุทกภัยในเบื้องต้นแล้ว ขณะที่ระยะยาวรัฐบาลจะใช้งบประมาณ 350,000 ล้านบาท ในโครงการบริหารจัดการน้ำระยะยาว โดยมีคณะกรรมการหลายคณะร่วมดูแลควบคุมการจ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเชิญชวนบริษัทต่าง ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญร่วมเสนอแนวคิดการบริหารจัดการน้ำ และรัฐบาลได้ใช้งบประมาณ 45,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไปแล้ว ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าจากแนวทางแก้ปัญหาที่ผ่านมาจะไม่เกิดอุทกภัยรุนแรงส่งผลกระทบต่อประชาชนเท่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน

นายกฯยิ่งลักษณ์ เปิดนิทรรศการน้ำ เผยแผนป้องกันอุทกภัย

เมื่อเวลา 09.00น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด นิทรรศการบริหารจัดการน้ำ ภายใต้ชื่อนิทรรศการว่า “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน” ซึ่งเป็นรอบของสื่อมวลชน ที่ห้องบางกอกคอนเวนชัน ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง บุคคลในรัฐบาล คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก จะมีการจัดแสดงนิทรรศการไปถึงวันที่ 2 ก.ย.นี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเปิดนิทรรศการตอนหนึ่งว่า ในนามของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอต้อนรับเพื่อชมนิทรรศการฯ ซึ่งการจัดงานวันนี้เพื่อบรรยายถึงแผนการริหารจัดการและการเตรียมความพร้อมในปีนี้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็คงทราบว่าวิกฤติอุทกภัยปีที่ผ่านมาที่มีความร่วมมือร่วมใจกันทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนและสื่อมวลชน ที่รวมพลังกันทำให้ผ่านพ้นในปีที่ผ่านมา เราก็นำประสบการณ์มาปรับปรุงแก้ไขและเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติทั้งระยะสั้นในปีนี้และการเตรียมแผนระยะยาว โดยคำนึงถึงสภาพความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนต่างๆเพื่อมุ่งมั่นพัฒนาปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำและการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและเอกภาพ

"รัฐบาลน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเป็นหลักในการทำงาน และทำให้เข้าใจธรรมชาติของน้ำ เพราะน้ำต้องมีที่ไป น้ำต้องมีที่อยู่ น้ำยังต้องมีที่ชะลอ ดังนั้นต้องทำให้น้ำมีทางออกและระบาย และสำคัญประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแผนการจัดการน้ำว่า แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ การป้องกัน การเตรียมพร้อม การรับมือ และการฟื้นฟู โดยในส่วนของการป้องกันนั้นแบ่งตามพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยต้นน้ำจะเน้นทำอย่างไรให้ชะลอการไหลของน้ำโดยการปลูกป่า สร้างฝายชะลอน้ำและปลูกหญ้าแฝก กลางน้ำก็จะบริหารน้ำในเขื่อนให้เหมาะสม รวมทั้งแก้ภัยแล้งด้วย โดยการรักษาระดับน้ำในเขื่อน ร้อยละ 50 และเตรียมพื้นที่รับน้ำนอง 2.1 ล้านไร่ และซ่อมแซมประตูระบายน้ำ และปลายน้ำจะเน้นการขุดลอกเพื่อให้น้ำไหลลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุดทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก เสริมถนน เสริมแนวคันกั้นน้ำจากหนึ่งชั้นเป็นสามขั้นเพื่อปกป้องพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม และแน่นอนจะไม่ลืมเพิ่มเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่เกิดน้ำนองในปีที่ผ่านมาด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนขั้นการเตรียมพร้อมมีการบูรณาการโดยมีการทำคลังข้อมูลแห่งชาติ ร่วมกับ 17 หน่วยงานเข้ามาในศูนย์เดียวกัน เพื่อประเมินและวิเคราะห์เป็นการสั่งการเดียวหรือซิงเกิลคอมมานด์ มีการทำแบบจำลอง การสั่งการ การจัดการ การเตือนภัยทั้งภาวะปกติและวิกฤติ ที่มีขั้นตอนต่างๆตามลำดับ มีผู้รับผิดชอบชัดเจนลงไปในชุมชุนทุกที่ส่วนการรับมือนั้นเมื่อเกิดอุทกภัยทุกระดับความรุนแร ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้บริหารที่รับผิดชอบจะบูรณาการอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อพร้อมในการเผชิญเหตุ และสุดท้ายการฟื้นฟูก็มีหลักเกณฑ์ สิทธิการช่วยเหลือเหลือผู้ประสบภัยทุกด้าน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ออกพระราชกำหนดฯกู้เงิน ในวงเงิน 3.5 แสนบ้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ มากำหนดแผนฯเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงของการเชิญชวนผู้สนใจยื่นคุณสมบัติในการยื่นแนวคิดที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยและจะมีการคัดเลือกโดยเป็นธรรมและโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายโดยคำนึงประโยชน์ของประเทศ

“การจัดงานครั้งนี้รัฐบาลหวังว่าข้อมูลที่นำมาจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงและเข้าใจความมุ่งมั่นในแผนบริหารจัดการน้ำและการแก้ไขน้ำอุทกภัย เพื่อความรู้ความเข้าใจร่วมกัน โดยมีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมานำเสนอและอธิบายในนิทรรศการเพื่อเข้าใจครบถ้วนทุกประเด็น ทั้งนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมกันปรับปรุงข้อมูลการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ในการนำประสบการณ์มาเป็นแผนการเพื่อรองรับภัยธรรมชาติปีนี้และยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งนั่นในทำงานร่วมกัน” น.ส.ยิ่งลักษณ์  กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้นำสื่อมวลชนเข้าชมนิทรรศการตามจุดต่างๆที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยบรรยายในแต่ละจุด ได้แก่ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ในฐานะกรรมการ กยน. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะรักษาการเลขาธิการ สบอช. และนายวิบูลย์ สงวนพงษ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ชมภาพถ่ายเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.442134049158711.96274.420362718002511

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นายกฯยันหนุนสินค้าโอทอป พร้อมช่วยแหล่งเงินทุน

รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน
รายการ ’รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน’ ออกอากาศวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2555 เป็นการสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในงาน“OTOP Midyear 2012 สู่ประชาคมอาเซียน” ที่มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18-26 สิงหาคม 2555 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี โดยมี อริสรา กำธรเจริญ ดำเนินรายการ

ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้กล่าว ขณะนี้ก็กำลังติดตามวิเคราะห์ว่าส่วนไหนบ้างที่จะนำต้องนำข้อห่วงใย หรือข้อปรับปรุงมาดูเพื่อปรับปรุงในปีที่ 2 ต่อไป ส่วนเรื่องการรับมือปัญหาที่ผ่านมา ทั้งปัญหาอุทกภัยหรือรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลก ก็ต้องถือว่าเราก็พอใจ ในส่วนของนโยบายในบางส่วนก็ต้องติดตามผลต่อไป

เมื่อถามว่า 1 ปีที่ผ่านมา ท้อบ้างหรือมไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เชิงว่าท้อแต่อาจจะเหนื่อยมากกว่า เพราะบางครั้งงานเยอะ และอยากให้เห็นสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เรื่องน้ำ แต่ก็ทำงานเต็มที่เพราะพี่น้องประชาชนก็คาดหวัง

อย่างไรก็ตาม น.ส. ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ในวันนี้ก็จะมีการถ่ายทอดสดในรายการรัฐบาลพบประชาชน ทุน เพื่อคุณภาพชีวิต ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จะนำเสนอนโยบายประมาณ 10 นโยบายที่เกี่ยวกับพี่น้องประชาชนในเรื่องของแหล่งทุนต่างๆเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้สิทธิเต็มที่ เช่น กองทุนตั้งตัวได้ กองทุนพัฒนาสตรี เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรือแสนแสบให้รัฐบาลสอบผ่าน เห็น "ยิ่งลักษณ์" ตั้งใจบริหารประเทศ


นายเชาวลิต เมธยะประภาส นายกสมาคมเรือไทย และเจ้าของบริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ กล่าวว่า "การดำเนินนโยบายของรัฐบาลในรอบ 1 ปีนั้น ถือว่าโดยส่วนตัวให้รัฐบาลสอบผ่าน เพราะเห็นถึงความตั้งใจในการบริหารประเทศ ซึ่งนโยบายที่ชื่นชอบนั้นคือการสนับสนุนด้านการศึกษา มีการแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กนักเรียนชั้น ป.1 เพื่อสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี การเรียน การสอน"

นอกจากนี้ยังมีนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ที่ชื่นชอบรวมถึงการที่ให้ประชาชน ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นายเชาวลิต กล่าวอีกว่าในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการ ก็อยากเห็นรัฐบาล สร้างความเท่าเทียมกัน เพราะทุกวันนี้ผู้มีอิทธิพล ทำให้ภาคธุรกิจไม่เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำเงินทุนสำรองมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพราะมีความจำเป็นการต่อการพัฒนาประเทศ

เรือโดยสารในคลองแสนแสบ ภายใต้สมาคมเรือไทย

เชษฐาชมรัฐบาลโชคดีมี "ยิ่งลักษณ์" เป็นนายกฯ

24 สิงหาคม 2555 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดโอกาสให้ นายทหารระดับสูง และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 74 ปี ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์

ทั้งนี้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาดร กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ว่า "รัฐบาลโชคดี ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนที่มือสะอาด มีความขยันขันแข็ง และวางตัวได้ดี ซึ่งตนไม่คิดว่า จะดีได้ถึงขนาดนี้"

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า "เป็นเรื่องของการเมืองโดยแท้ เพราะถ้าทำได้อย่างถูกต้องแล้ว ฝ่ายค้าน คงไม่มีอะไรมาอ้าง อย่างไรก็ตาม พล.อ.เชษฐา กล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องการตัดสินของศาล ในคดีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ว่า ศาลต้องหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องยึดตามกฎหมาย 100% ก็ได้ ต้องดูทิศทางของบ้านเมืองไม่ให้บุบสลาย" พร้อมกล่าวว่า ถ้ามีโอกาสเหมาะสม ก็พร้อมกลับมารับใช้บ้านเมืองอีกครั้ง

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ขอเชิญร่วมงาน “รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต” 25-26 สิงหาคมนี้

รัฐบาล เตรียมจัดนิทรรศการระดับชาติ “รัฐบาลพบประชาชน ทุน เพื่อคุณภาพชีวิต” 11 โครงการและทุกกองทุนโชว์ผลงานเด่นสุดในรอบปี พร้อมเปิดตัวกองทุนใหม่จากภาครัฐเดินหน้าสร้างรอยยิ้มและพัฒนาชีวิตคนไทย ระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2555 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถานและพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ

(21 สิงหาคม 2555) นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวการจัดงาน "รัฐบาลพบประชาชน ทุน เพื่อคุณภาพชีวิต" เป็นความร่วมมือของทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานร่วมจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศในระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2555 โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2555 เวลา 09.00 น.และมีคณะรัฐมนตรีพร้อมผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมในพิธีเปิด สำหรับต่างจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ก็จะมีพิธีเปิดในเวลาเดียวกัน

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า งานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาล ซึ่งมีโครงการที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทยรวมทั้งสิ้น 11 โครงการ เช่น พักชำระหนี้ 3 ปี, บ้านหลังแรก, รถคันแรก, บัตรสินเชื่อเกษตรกร, ประกันภัยพืชผลทางการเกษตรพร้อมกับเปิดตัวกองทุนทั้งใหม่และของเดิมได้แก่ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี, กองทุนตั้งตัวได้, กองทุนพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน, กองทุนหมู่บ้าน, กองทุนสุขภาพภาครัฐ นอกจากนี้ยังมีผลงานและโครงการของสถาบันการเงินของรัฐบาล 9 แห่ง และหน่วยงานในกระทรวงการคลังนำเสนอผ่านรูปแบบของนิทรรศการและสื่อมัลติมีเดียที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ภายใต้คอนเซ็ป “เศรษฐกิจดีขึ้น ชีวิตก็ดีขึ้น”  ไม่ว่าจะเป็นการฉาย VTR เกี่ยวกับงานในโครงการรัฐบาลผ่านจอแบบพาโนรามา, Gallery ภาพผลงานรัฐบาล 11 โครงการ และเทคนิค QR Code ที่มาคู่กับ Free Wifi เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้โหลดคลิปนายกพบประชาชนจากภาพนิ่งสู่ภาพเคลื่อนไหวใน Smart Phone ในเวลาอันรวดเร็ว

“ส่วนสำคัญที่อยากให้คนไทยเข้าร่วมชมภายในงานนี้ ก็คือ การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์" ถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  โดยแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ พระราชกรณียกิจ พระอัจริยภาพด้านต่างๆ โครงการพระราชดำริ โครงการพระราชเสาวนีย์ และโรงภาพยนต์เฉลิมพระเกียรติที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษให้คนไทยร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทุกพระองค์มีต่อปวงชนชาวไทย” นายทนุศักดิ์ กล่าว

นอกจากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนในทุกกลุ่มทุกอาชีพทั่วประเทศร่วมชมงาน โดยระบุว่า ขณะนี้มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการจัดงานดังกล่าว โดยได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้รับทราบแล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ประชาชนรับทราบถึงงานที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่องกองทุนต่างๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตและปัญหาที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติ แม้ว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงผลงานรัฐบาลผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนเป็นประจำทุกวันเสาร์แล้ว แต่กิจกรรมนี้จะเป็นตัวเสริมให้ประชาชนในแต่ละภูมิภาคได้รับทราบและเห็นผลงานที่ชัดเจนด้วยตัวเอง รวมถึงเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนร่วมกับนโยบายในด้านอื่นๆในอนาคตอีกด้วย  นอกจากนี้ในงานยังมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า,การเปิดจองรถยนต์จากผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการรถคันแรก, Free WiFi ,การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย,การแสดงศิลปผสมผสานและการแสดงจากศิลปิน-นักร้องชื่อดังที่เป็นตัวแทนของแต่ละภูมิภาค

นายกฯยิ่งลักษณ์ เผย สถานการณ์น้ำท่วมภูเก็ต คลี่คลายแล้ว

นายกรัฐมนตรีขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งแจ้งเตือนกับประชาชน หลังเกิดฝนตกและน้ำท่วมในจังหวัดภูเก็ต

ระดับน้ำกลางเมืองภูเก็ต ลดลงอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ที่จ.ภูเก็ต ว่า ได้รับรายงานสถาการณ์น้ำที่เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ และ แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า แต่ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องทำให้เกิดปัญหาด้านการระบายน้ำ  อย่างไรก็ตามจะยังคงติดตามสถาการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยต้องระมัดระวังเรื่องการระบายน้ำ



วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"ยิ่งลักษณ์" เปิดงานต้านคอร์รัปชั่น ขอประชาชนช่วยแจ้งทุจริต

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เปิดโครงการประเทศไทยก้าวไกล ไร้ทุจริตคอร์รัปชั่น
18 สิงหาคม 2555 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานประกาศแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไปของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยมี คณะรัฐมนตรี (ครม.) ข้าราชการ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม
     
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเปิดงานในตอนหนึ่งว่า จากการรายงานผลสำรวจประจำปีการคอร์รัปชั่นใน 14 เขตเศรษฐกิจทั่วเอเชีย ของ บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมือง หรือ PERC ได้ให้คะแนนประเทศไทย 6.57 ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าปี 2554 ที่ไทยได้คะแนน 7.55 จึงถือได้ว่าแนวโน้มปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทยดีขึ้น
     
อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องร่วมมือและรวมพลังกันต่อไป เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นถือเป็นปัญหาของทั้งประเทศ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หากหยุดยั้งปัญหานี้ได้ ก็จะสร้างความเชื่อมั่น และ ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ และนักลงทุนต่างชาติที่ตัดสินใจจะเข้ามาลงทุนก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
     
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างจริงจังกับนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ให้เป็น 1 ใน 16 นโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการไปแล้วในส่วนของภาครัฐในหลายโครงการ ซึ่งมีความคืบหน้าไปอย่างมาก เช่น โครงการ 1 กรม 1 ป้องกันโกง หรือการเปิดสายด่วน 1206 ให้แจ้งเบาะแสได้ตลอด 24ชั่วโมง ลำดับถัดไปก็จะต้องเชื่อมต่อขยายความร่วมมือไปยังภาคเอกชน และภาคประชาชนให้มากขึ้น โดยการติดตั้งตู้รับเรื่องร้องเรียนทุจริตตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งในกทม. และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น ทำเนียบรัฐบาล ศาลากลางจังหวัด สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ธนาคารกรุงไทย บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส และห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รวมทั้งเปิดเว็ปไซต์ www.stopcorruption.go.th และเปิดสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งเครือข่ายเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ โปรแกรมไลน์ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและ ปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นแบบบูรณาการ
     
"รัฐบาลอยากเห็นภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ลุกขึ้นมาทำงานร่วมกัน เพราะภาครัฐฝ่ายเดียวคงทำไม่สำเร็จ เราต้องช่วยกันทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศชาติ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาว เพื่อให้ประเทศมีความเชื่อมืน และยืนอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว จากนั้น นายกรัฐมนตรี และ ครม. ได้ร่วมแปรอักษรคำว่า "stop corruption" ก่อนเขียนคำปฏิญาณลงบนกำแพงสีขาวว่า "สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย...ร่วมกันหยุดคอร์รัปชั่น


รัฐบาลเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม-ภัยแล้ง


18 สิงหาคม 2555 - นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงสถานการณ์ภัยแล้งและการเตรียมตัวรับมือ ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน ในช่วงที่ 3

ภาพขณะบันทึกรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน"
นายยงยุทธ กล่าวว่า เมื่อ 16 ส.ค. ทางนายปรีชา เร่งสมบูรณ์ทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตน และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน ในฐานะที่ผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบในพื้นที่ ทางผู้ว่าฯ ก็ต้องคอยบูรณาการงาน ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ มีหน่วยฝนหลวง 19 หน่วย และหน่วยที่จะเติมสารต่างๆ 3 หน่วย กระทรวงเกษตรมีเครื่องสูบน้ำ 1,400 เครื่อง มารวมกับทางกระทรวงทรัพยากรฯก็จะทำให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ อยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าน้ำในการเพาะปลูก เพื่อการเกษตร อุปโภค และบริโภค มีการดูแลให้เพียงพอ และมีระเบียบกระทรวงการคลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างครอบคลุม และตอบปัญหาพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีแผนระยะสั้น กลาง และระยะยาว ไม่ได้ทำเฉพาะเรื่องอุทกภัย แต่ทำเรื่องภัยแล้ง ไม่ให้น้ำมาก และไม่ให้น้ำขาด เป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการโดยใช้เงินกู้ การแก้ปัญหาต่างๆจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวและยั่งยืนได้ รัฐบาลคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเอาใจใส่ นอกจากปัญหาน้ำมาก น้ำไม่มี ดินโคลนถล่ม ก็เป็นปัญหาที่ต้องทำไปพร้อมๆกัน เรามีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งทั้ง 2 ส่วน มีความพร้อมสูง เมื่อได้รับการสนับสนุนงบประมาณและได้รับการเอาใจใส่จากนายกรัฐมนตรีลงมาดูแลด้วยตัวเอง ระดับความรุนแรงและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนก็จะดีขึ้น

"นายกฯยิ่งลักษณ์" เล็งตั้ง "สารวัตรคลอง" ดูแลรักษาน้ำ


18 สิงหาคม 2555 - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมผู้เกี่ยวข้องจัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" บริเวณประตูระบายน้ำคลองสามวา กทม. ว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตามคูคลองต่างๆ อุดตัน มีผักตบชวามาก ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการโดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนขุดลอกคลอง สำหรับภาครัฐได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ปัญหาที่พบคือ ยังมีปัญหาเรื่องขยะที่อุดตันในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นปัญหาเดิมๆ ตรงนี้รัฐบาลจึงได้จัดตั้งโครงการ "ร่วมแรงไทยรักษาน้ำใสทุกคูคลอง" ขึ้นมา เพื่อให้ชุมชนที่อยู่ใกล้คูคลองช่วยกันดูแล โดยขอความร่วมมือจากภาคเอกชน รวมถึงภาครัฐเพื่อรณรงค์ให้เกิดจิตสำนึก ช่วยกันรักษาความสะอาด

ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวเพื่อสร้างจิตสำนึกให้คนในชุมชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการรักษาความสะอาดคูคลองที่อยู่ใกล้ๆ โดยขอความร่วมมือทางภาคเอกชนมาช่วยเหลือ โดยเรียกว่า สารวัตรคลอง ซึ่งในแต่ละชุมชนก็ต้องช่วยกันดูว่ามีขยะอุดตันมากหรือไม่ แล้วร่วมมือช่วยกันรณรงค์รักษาความสะอาด ภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมอาจช่วยประชาสัมพันธ์ สนับสนุนในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ โดยตรงนี้มีคลองที่จะดำเนินการแล้ว 307 คลอง ได้ตัวเลขจากภาคเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการอีก 277 แห่ง ซึ่งอยากจะขอเชิญชวนภาคเอกชนมาร่วมมือไปพร้อมกับชุมชนด้วยกัน เพื่อรักษาน้ำในคูคลองให้ใสสะอาด

อย่างไรก็ดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาของประเทศไทยจะเห็นได้ว่า ในส่วนต้นน้ำ ต้นไม้มีจำนวนน้อยลงซึ่งไม่เพียงพอต่อการดูดซับอุ้มน้ำไว้ได้เท่าที่ควร ตรงนี้จึงมีโครงการการเพาะปลูกป่า 5 ปี 800 ล้านต้นกล้า 80 พรรษาราชินี เพื่อปลูกป่าทดแทน รวมถึงสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนหันมาดูแลผืนป่า ด้านกลางน้ำ จะเป็นการเก็บน้ำซึ่งจะทำอย่างไรจะเก็บน้ำได้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด อย่ากภาคอีสาน เกิดภัยแล้งตรงนี้ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปแก้ปัญหาแล้ว อีกทั้ง การซ่อมแซมเขื่อน ระตูระบายน้ำที่เสียหายจากปีที่แล้วนั้น รัฐบาลได้สั่งดำเนินการให้ซ่อมทั้งหมด ส่วนพนังกั้นน้ำก็มีการสร้างแบบถาวร หากพื้นที่ไหนยังไม่สามารถเข้าไปถึงก็ให้สร้างฝายชลอน้ำทดแทนไปก่อน

ทั้งนี้ในส่วนของภาคอีสานที่ขณะนี้เกิดภัยแล้งนั้น ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปแก้ปัญหาแล้ว ด้านการซ่อมแซมประตูระบายน้ำที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการซ่อมทั้งหมด และสร้างพนังกันถาวร หากพื้นที่ไหนยังไม่สามารถทำเข้าไปถึงให้ทำฝายชะลอน้ำทดแทนชั่วคราว

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สำนักนายกรัฐมนตรี และ TCDC ชวนชมร้านค้าต้นแบบ OTOP

สำนักนายกรัฐมนตรี และ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชวนชมร้านค้าต้นแบบ OTOP และ การแสดงอาหารไทยบรรจุกล่อง ‘Thai Pinto’ ในงาน OTOP Midyear 2012


สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชวนชมร้านค้าต้นแบบ OTOP และการแสดงอาหารไทยบรรจุกล่อง ‘Thai Pinto’ ระหว่างวันที่ 18 ถึง 25 สิงหาคม นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร้านค้าต้นแบบ OTOP เป็นการจำลองบรรยากาศของร้านค้า OTOP Store เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของไทยที่มีความโดดเด่นทั้งด้านคุณภาพ ความสวยงามและมาตรฐานการผลิต แสดงให้เห็นถึงช่องทางใหม่ในการขายสินค้าของผู้ผลิตที่มีการพัฒนาสินค้าได้ตรงกับความต้องการของตลาดสากล ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการสินค้า OTOP ให้ตระหนักถึงความสำคัญกับการพัฒนาสินค้ามากขึ้นเพื่อขยายโอกาสในการส่งออก ในงานนี้ยังมีการสจัดแสดงอาหารไทยบรรจุกล่อง ในชื่อ “Thai Pinto” ซึ่งมีการนำวัตถุดิบที่มีชื่อเสียงและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาปรุงให้กลายเป็นอาหารพร้อมรับประทานในบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ยังคงความอร่อยและสะอาดปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง เหมาะสำหรับเป็นอาหารกล่องระหว่างการเดินทางคล้ายกับข้าวกล่องเบนโตะของประเทศญี่ปุ่นที่มักจะอยู่คู่กับการเดินทางด้วยรถไฟ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงส่วนที่เป็นข้อมูลความรู้เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม เทคนิคในการบรรจุอาหารที่สะอาดและปลอดภัย เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตอันจะเป็นแนวทางหนึ่งในการยกระดับสินค้าต่อไป

ร้านค้าต้นแบบ OTOP และ การแสดงอาหารไทยบรรจุกล่อง ‘Thai Pinto’ เป็นส่วนหนึ่งของงานจัดแสดงสินค้า OTOP Midyear 2012 ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 18 ถึง 25 สิงหาคม 2555 เวลา 10.00-21.00 น.

"แท็บเล็ต" ลดช่องว่างชาติพันธุ์



เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (16 ส.ค.) ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พร้อมด้วย ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า รองเลขาธิการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และเจ้าหน้าที่ระดับสูง เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านวังใหญ่ หมู่ 2 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการจัดส่งแท็บเล็ต พร้อมกำหนดการจัดกิจกรรมเสวนาวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “แท็บเล็ตช่วยลดช่องว่างทางสังคมได้อย่างไร” โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือ ดร.สุชิน เพ็ชรักษ์ นักวิชาการด้านการศึกษาตามอัธยาศัยภาคเหนือ (ทวิภาษา) ดร.ซินเธีย หม่อง ผอ.ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเด็กด้อยโอกาส c.d.r.(children SDevelopment Centre) และ มร.ไมเคิล อันเบิร์ต ผู้จัดการองค์กรไรท์ทูเพลย์ประจำประเทศไทย ครั้งนี้ มี นายอธิวัฒน์ พันธ์ประชา ผอ.สพป.กาญจนบุรี เขต 1 กล่าวให้การต้อนรับ
     
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ปัจจุบัน ทาง สพฐ.ได้จัดส่งแท็บเล็ตจำนวนทั้งสิ้น 129,632 เครื่อง 20 จังหวัดทั่วประเทศ จากยอดรวมการจัดส่งทั้งหมดกว่า 800,000 เครื่อง และคาดว่าการจัดส่งจะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2555 นี้ ซึ่งได้จัดการอบรมให้แก่วิทยากรศึกษานิเทศก์ครบแล้วจำนวน 183 เขต ซึ่งวิทยากรดังกล่าวจะสามารถขยายผลไปสู่ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา และครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เมื่อเขตพื้นที่นั้นๆ ได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ตแล้ว เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
     
โดยนโยบาย 1 แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน ป.1 เป็น 1 ในนโยบายสำคัญของรัฐบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมโอกาสการเข้าถึง และยกระดับคุณภาพการศึกษาของเยาวชน โดยกระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดให้มีการพัฒนาสื่อการสอนในแท็บเล็ตพีซี เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็ก ป.1 ทุกคนมีความสามารถในการอ่าน รัก และสนใจในการอ่านมากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาการศึกษาขององค์กรค์ยูเนสโกที่ต้องริเริ่มแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ และการขาดแคลนครู ทั้งนี้ สพฐ.จะนำข้อมูลการฝึกหัดของนักเรียนแต่ละคนมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน และครู ป.1 ต่อไป
     
“สำหรับแผนการสอนจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อให้คุณครูสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งจะทำให้ครู ผู้ปกครอง เข้าใจนักเรียน และบุตรหลานของตนมากขึ้น นอกจากนั้น สพฐ.ยังได้จัดให้มีการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับแนวทางแก้ไขข้อกังวลในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ เช่น ด้านการพัฒนาสมอง หรือโรคสมาธิสั้น ด้วยการออกแบบสื่อแท็บเล็ตให้คุณครูสามารถช่วยเสริมให้มีการพัฒนาการทางสมองของนักเรียนมากขึ้น และให้ใช้แท็บเล็ตในระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะรัฐบาลเล็งเห็นว่าเด็กนักเรียน คือ ทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เมื่อเด็กได้รับการพัฒนาทางด้านการศึกษาจะสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการพัฒนาประเทศจะเพิ่มขึ้นเพียงไร ก็ขึ้นอยู่กับอัตราการพัฒนาพัฒนาการศึกษาของรัฐบาลนั้นๆ” ดร.ชินภัทรกล่าว
     
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับโรงเรียนบ้านวังใหญ่ เป็นโรงเรียนที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-พม่าเป็นโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนไทยประมาณ 40% ส่วนอีก 60% เป็นเด็กนักเรียนชาวพม่า กะเหรี่ยง มอญ และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรมซึ่งสอดคล้องกับทิศทางขององค์การยูนิเซฟที่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ส่วนเด็กนักเรียนชั้น ป.1 มีอยู่ทั้งหมด 25 คน ทาง สพฐ.ได้แจกแท็บเล็ตทั้งหมด 25 เครื่อง โดยมี น.ส.พัชรี จันทร์ละออ ครูประจำชั้นเป็นผู้ฝึกสอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง CNN iReport - One Tablet PC per Child: Education for All

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กระทรวงศึกษาฯ ลงพื้นที่ ติดตามแท๊บเล็ต

กระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่ภาคตะวันออก เดินหน้าติดตามความคืบหน้าการจัดส่งแท๊บเล็ตให้นักเรียน


วันนี้ (16 สิงหาคม) ดร. ชินภัทร ภูมิรัตน์ เลขาธิการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการจัดส่งแท๊บเล็ต ปัจจุบันทางสพฐ. ได้จัดส่งแท๊ปเล็ตจำนวนทั้งสิ้น 129,632 เครื่อง 20 จังหวัดทั่วประเทศ จากยอดรวมในการจัดส่งทั้งหมดกว่า 800,000 เครื่อง และคาดว่าจะจัดส่งแล้วเสร็จภายในปี 2555 และจัดการอบรมให้แก่วิทยากรศึกษานิเทศก์ครบแล้วทั้ง 183 เขต  วิทยากรดังกล่าวจะสามารถขยายผลไปสู่ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา และครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ นโยบาย 1 แท๊บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน ป. 1 เป็น 1 ในนโยบายสำคัญของรัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม โอกาส การเข้าถึง และยกระดับคุณภาพการศึกษาของเยาวชนโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดย สพฐ. ได้จัดให้มีการพัฒนาสื่อการ สอนในแท็บเล็ตพีซี เพื่อกระตุ้นให้เด็ก ป. 1 ทุกคนมีความสามารถในการอ่าน รักและสนใจการอ่านมากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาการศึกษาขององค์การยูเนสโกที่ต้องการริเริ่มแก้ไข ปัญหาการอ่านออกเขียนได้ และ การขาดแคลนครู

ทั้งนี้ สพฐ. จะนำข้อมูลการทำแบบฝึกหัดของนักเรียนแต่ละคนมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียนและครู ป.1ต่อไป    แผนการสอนจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อให้คุณครูสามารถสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ทำให้ครู ผู้ปกครอง เข้าใจนักเรียนและบุตรหลานของตนมากขึ้น

นอกจากนั้น สพฐ. ยังได้จัดให้มีการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับแนวทางแก้ไขข้อกังวลในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ อาทิ ด้านการพัฒนาสมอง หรือ โรคสมาธิสั้น ด้วยการออกแบบสื่อแท็บเล็ตให้คุณครูสามารถช่วยเสริมให้มีการพัฒนาการทางสมองของนักเรียนมากขึ้น   โดยการใช้แท๊บเล็ตในระยะเวลาที่เหมาะสม   ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นว่าเด็กนักเรียนคือทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เมื่อได้รับการพัฒนาทางด้านการศึกษาจะสามารถสร้างผลตอบแทนเชิงเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศ   อัตราการพัฒนาประเทศจะเพิ่มขึ้นเพียงไร ขึ้นอยู่กับอัตราการพัฒนาการศึกษาของรัฐบาลนั้นๆ


พร้อมกันนี้ในวันเดียวกันนี้  กระทรวงศึกษาธิการโดย สพฐ. ยังได้จัดเสวนาวิชาการ เรื่อง “แท็บเล็ต ลดช่องว่างทางสังคมอย่างไร” โดยผู้ร่วมเสวนาคือ ดร. สุชิน เพ็ชรักษ์ นักวิชาการด้านการศึกษาตามอัธยาศัยภาคเหนือ (ทวิภาษา) และดร. ซินเทีย หม่อง ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเด็กด้อยโอกาส Children Development Center มาร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องสิทธิเด็ก ณ โรงเรียนบ้านวังใหญ่ อ. ไทรโยก จ. กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ชายแดนไทย - พม่า จังหวัดกาญจนบุรี  เป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนไทย  พม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม สอดคล้องกับทิศทางขององค์การยูนิเซฟที่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมกันทางการศึกษา

One Tablet PC per Child: Education for All



Thailand Continues to Distribute Tablet PC Nationwide Hoping to Reduce Social Gap of Education Inequality and Increase Literacy by Analyzing Students’ Performance Data Recorded in the Tablet.  

By C. Wongnapachant
16 August 2012

 “One Tablet PC per Child”, one of the misperceived “populist policies,” has been launched by Yingluck’s Government since June 7th, 2012 in an attempt to improve some aspects in Thai education by addressing inequality and standards of education quality.  Today (16 Aug 2012) Dr. Chinnapat Bhumirat, Secretary General of Office of the Basic Education Commission, Ministry of Education has visited Ban Wang Yai School in Kanchaburi to first-hand observed the project in action. Children are quick to learn the usage and function of the tablet. The contents are colorful and engaging. Elements of music and artistic pictures enable sustainable attention and interest. The school is a home for many students of various nationalities in Thailand like Thai, Burmese and various ethnic groups living in a bordering province. To date, the Ministry of Education has distributed tablet PCs to 129,632 children of 800,000 grade-one students nationwide. “From this day on, all grade one children in Thailand will be able to access to the same quality of education nationwide, whether that child is an heir to a wealthy parents living in Bangkok or a daughter of a fisherman living in a village on an island in the southern part of Thailand,” said the Premier Yingluck Shinawatra.


Despite some criticism raised that tablet PCs would not only be an unfit remedy to Thailand’s hampered problems but also would be a cause to game addiction, attention disorder among children, and slow child’s brain development, Yingluck’s Government has studied further to resolve such societal concerns.  Because the policy was originally designed to correspond with UNESCO global direction in developing two out of three core initiatives for education for all: literacy and teacher shortage, the Premier has specifically set the key goal to improve grade-one children’s literacy rate as well as analyze students and teachers’ performances. Students’ performances data recorded in each tablet PC will be used as tool to enable students to improve themselves horizontally and vertically. Lessons learned and best practices of tablet PC program will be kept transparent, so as to enable a positive organic growth of education among children. At the end of the day, grade one teachers will be able to understand their students’ strengths and weaknesses. A study by UNICEF division of policy and strategy, “RIGHT IN PRINCIPLE AND IN PRACTICE: A REVIEW OF THE SOCIAL AND ECONOMIC RETURNS TO INVESTING IN CHILDREN stated, “however, under the new growth theory tradition, a one-off increase in the stock of human capital is associated with a permanent increase in the growth rate of productivity. The new growth theory approach is therefore considered endogenous, and growth can thus be affected by government policy rather than purely by exogenous impacts of technological change.” Other societal concerns regarding the child’s brain development and short attention disorders can be managed if the tablet PC is used strictly as an educational aide and with limited hourly use. In conclusion, with these various concerns addressed through recent studies, the implementation of the One Tablet PC for all school children should help build a more capable and skilled labor force of tomorrow.

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"เยาวเรศ ชินวัตร" รับรางวัล "แม่ดีเด่น" วันแม่แห่งชาติ



เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ของทุกปี จะมีการยกย่องเชิดชูเกียรติคุณแม่ดีเด่นทั่วประเทศ พร้อมมอบรางวัลแก่ลูกที่มีความกตัญญูกตเวที

(12 สิงหาคม 2555 กรุงเทพฯ) โดยเช้าวันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2555 ณ อาคารใหม่สวนอัมพร ซึ่ง สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 และเพื่อเผยแพร่และยกย่องเชิดชูเกียรติคุณของแม่ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูบุตร ธิดา ให้เติบโตเป็นคนดีของสังคม และประเทศชาติ นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ผู้ที่เป็นลูกได้ตระหนักถึงพระคุณของแม่ แสดงความกตัญญูตอบแทนพระคุณแม่

โอกาสนี้ ได้ประทานรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ประจำปี 2555 รวมทั้งสิ้น 297 คน มีคุณแม่ของบุคคลที่มีชื่อเสียง และบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายฝ่ายเข้ารับประทานรางวัลในครั้งนี้ อาทิ นางเยาวเรศ ชินวัตร นางพนิดา เทพกาญจนา โดยในปีนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานคำขวัญวันแม่ ประจำปี 2555 ความว่า"มือของแม่นั้นคือมือช่างปั้น ขึ้นรูปอันอ่อนลออจนหล่อเหลา อยากให้เป็นงานดีที่งามเงา อยู่ที่คอยขัดเกลาแต่เบามือ"









วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รัฐบาลเชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพรพระราชินี


นายนิวัฒน์ ธำรงบุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ถึงการจัดนิทรรศการ "เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา บรมราชินีนาถ สิริแห่งแผ่นดิน" ระหว่างวันที่ 9-15 สิงหาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเชิญชวนประชาชนร่วมชมกิจกรรม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ภายในงานมีการนำเสนอพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงอุทิศพระองค์เคียงคู่พระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากว่า 60 ปี แบ่งกิจกรรมเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ศิลป์แห่งแพรไหม ที่ใช้ผ้าจากศูนย์ศิลปาชีพ

ส่วนที่ 2 ถ่ายทอดเรื่องราวโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจด้านสังคมสงเคราะห์ จากการลงพื้นที่ของช่างภาพ 9 คน บันทึกภาพมาเล่าเรื่องราวการพัฒนา

ส่วนที่ 3 นำเสนอเรื่องราวภาพประวิติศาสตร์ และความประทับใจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนที่ 4 อัญเชิญพระฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ในโถงกลางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ประดับด้วยพวงมาลัยดอกมะลิขนาดใหญ่

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ยิ่งลักษณ์-เยาวเรศ เปิดกิจกรรมเดินการกุศลเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา


(5 สิงหาคม 2555 สวนลุมพินี) เวลา 08.30น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินการกุศล เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 ส.ค.2555 รวมถึงเป็นวโรกาสครบรอบ10ปีของการก่อตั้งวันสตรีไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระราชทานให้วันที่1 ส.ค.ของทุกปี เป็นวันสตรีไทย

โดยมี นางเยาวเรศ ชินวัตร นายกสมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ ในฐานะประธานจัดงานให้การต้อนรับ และองค์กรสตรีจากภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งประชาชนจำนวนมาก ร่วมเดินในขบวนเฉลิมพระเกียรติเพื่อถวายความจงรักภักดีร่วมกัน ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมการเดินออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ และเป็นการหาทุนสำหรับใช้ในกิจกรรมสงเคราะห์สตรีไทย และสังคมทั่วไปด้วย  ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและกล่าวนำถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อนกล่าวเปิดงานในตอนหนึ่งว่า วันนี้สตรีไทยมีบทบาทเป็นที่ยอมรับทัดเทียมกับสุภาพบุรุษมากขึ้น โดยเฉพาะในการส่งเสริมการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม และยังทำหน้าที่แม่ที่จะต้องบอบความรัก ความอบอุ่น และความแข็งแรงให้ครอบครัว รัฐบาลมีหลายนโยบายในการน้อมนำแนวพระราชดำริเพื่อสนับสนุนสตรีไทยให้มีบทบาทในการพัฒนาประเทศอย่างเสมอภาค ส่งเสริมการขยายโอกาสให้สตรีได้เข้าถึงโอกาสในด้านต่างๆ ทั้งการตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองสตรีที่ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัว  ซึ่งรัฐบาลอยากเห็นทุกหน่วยงานได้ร่วมกันส่งเสริมบทบาทสตรีในทุกมิติ

ดูภาพถ่ายเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.438035089574285.104811.105044319540032&type=3

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

'อนุดิษฐ์' ออก 'รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน' ชวนร่วมงาน 'ไอซีที เอ็กซ์โป' 3-6ส.ค.



รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน วันเสาร์ที่ 4 ส.ค. 2555  ช่วงแรกเป็นการเปิดเทป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กดปุ่มโอนเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี  อีกช่วงเป็นการสัมภาษณ์ น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที  เจ้าภาพจัดงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ไอซีที เอ็กซ์โป 2012" ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 3-6 สิงหาคม 2555

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวถึง การจัดงานดังกล่าวว่า เดิมมีการจัดทุกปี แต่ร้างรามา 3 ปี  ขณะนี้เรามีความพร้อมก็จัดขึ้นระหว่างวันที่  3-6 ส.ค. เพราะวันที่ 4 เป็นวันการสื่อสารแห่งชาติ  ถือเป็นการระลึกถึงวันสื่อสารแห่งชาติด้วย  ซึ่งแนวความคิดในปีนี้เราเรียกว่า  ไอซีทีไทยก้าวล้ำนำไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  ซึ่งรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้ามาก็เน้นในเรื่องของการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

ในข้อเท็จจริงในเรื่องไอซีทีมีความแตกต่างในเรื่องการเข้าถึง รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ให้เข้าถึงไอซีทีของประเทศ เปรียบเสมือนบริการพื้นฐาน ไม่เฉพาะคนในเมืองใหญ่ แต่คนในชนบทก็ต้องใช้ประโยชน์จากไอซีทีมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้ด้วย เป็นการลดช่องทางของเทคโนโลยีลง

ไอซีทีเปรียบเสมือนเส้นทางคมนาคมเหมือนทางหลวงอิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งยังไม่ไปถึงพื้นที่ชนบทห่างไกล แต่ไม่เกิน ปี 2558 จะทำให้พี่น้องประชาชนเหมือนเป็นการส่งข้อมูลบนทางหลวงอิเล็คทรอนิคส์นี้ได้

"เชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีเวลา และอยากสัมผัสเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ จะได้สัมผัสกับความเร็ว เช่น 3G ที่พี่น้องประชาชนคุ้นเคยกันบ้าง ไม่คุ้นเคยกันบ้าง เชิญมาที่งานไอซีที เอ็กซ์โป นอกจากนี้จะได้สัมผัสความเร็วระดับ F1 หรือระบบ FG รวมทั้งบางค่ายที่นำมาให้สัมผัสความเร็วระดับ 250 เมกกะบิตต์

ขอเชิญชวน พี่น้องประชาชนในกทม.หรือพื้นที่ใกล้เคียงอยากจะมาใช้เวลาช่วงวันหยุด ได้รับความสนุกสนานความรู้ และความเข้าใจเรื่องไอซีที มางานไอซีที เอ็กซ์โป2012 ที่เมืองทองธานี จัดขึ้นจนถึงวันที่ 6 สิงหาคมนี้ "