ภาพ "รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ขณะออกอากาศผ่านทาง NBT |
นายกรัฐมนตรี : เมื่อวันพุธที่
5 กันยายน
ได้มีการประชุมเรียกว่าคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติเป็นครั้งแรก
ซึ่งกรรมการนี้ได้ประกอบไปด้วยคณะกรรมการทั้งหมด 37 ท่าน
ซึ่งจะเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง 17 ท่าน และบวกกรรมการเรียกว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
และกรรมการที่มาจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย 20 ท่าน
รวมเป็น 37 ท่านมาประชุมเป็นครั้งแรก
พิธีกร : ครับ
ซึ่งถ้าเกิดเราดูเฉพาะบทบาทผู้หญิงในประเทศไทยในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
ประชาชนประชากรเป็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี : จริง ๆ
ต้องบอกว่าที่มาของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนี้มาจากว่า
สิ่งที่เราเห็นวันนี้จำนวนสตรีไทยมีประมาณ 32,550,000 คนทั่วประเทศ ถือว่าเป็นสัดส่วนมากกว่าผู้ชายเล็กน้อยหรือว่าครึ่ง ๆ
แล้วก็สิ่งที่เราเห็นคือว่าผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นนะค่ะคุณธีรัตถ์
ก็อยู่ประมาณร้อยละ 45 ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและเป็นถึงระดับผู้บริหาร
พิธีกร : เห็นว่าผู้หญิงไทยได้รับความยอมรับจากฟอร์บส์
จากหลาย ๆ ประเทศว่า เป็นประเทศผู้หญิงในระดับ CEO
มากที่สุดของโลกอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี : ใช่ค่ะ
เป็นที่น่าภาคภูมิใจว่าประเทศไทยก็มีผู้หญิงมากและเก่ง
และมีศักยภาพในความเป็นผู้นำ แต่อย่างไรก็ตามเราก็จะเห็นว่าในร้อยละ 55
ยังมีสตรีอีกหลายกลุ่ม
ภายใต้กลุ่มนี้ยังมีสตรีที่มีความต้องการในการที่จะพัฒนาหรือว่าโอกาสในการที่จะเพิ่มศักยภาพอีกถ้าเรามาร่วมกันในการพัฒนาศักยภาพของสตรีในหลาย
ๆ
กลุ่มนี้ก็จะทำให้เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้มั่นคงและแข็งแรง
จึงเป็นที่มาของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
ได้มีการตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ที่รัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายไว้ถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนค่ะ
พิธีกร : ถือว่าเป็นจุดประสงค์ที่ต้องการเห็นความเสมอภาคของผู้หญิงและผู้ชายในสังคม
ผู้หญิงมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเข้าถึงการร่วมกลุ่มกันในการที่จะสร้างโอกาสให้กับตนเองและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
นายกรัฐมนตรี : อย่างแรกเราคาดหวังว่าอยากเสริมสร้างให้สังคมไทย
โดยเฉพาะสตรีไทยให้มีความเสมอภาคและจากนั้นจากความเสมอภาคแล้วเราก็สามารถที่จะต่อยอดในการพัฒนาสตรีให้มีบทบาทในสังคมหรือทางด้านของคุณภาพชีวิตที่ดีมีคุณภาพที่ดีขึ้น
เราก็ได้นำเอาแผนพัฒนาสตรีแห่งชาติฉบับที่ 11 ซึ่งทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้นำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีไปแล้ว
คือเป็นแผนพัฒนาสตรีแห่งชาติที่ครอบคลุมสตรีทั้งประเทศ
เรียกว่าสิ่งที่เราเอามาเป็นโครงหลักแต่ในส่วนของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเราจะเน้นเพิ่มเติมในส่วนของการต่อยอดของกลุ่มสตรีที่ต้องการที่จะดูแลใน
3 ประการด้วยกัน อย่างแรกคือ กองทุนนี้จะเป็นกองทุนที่เรียกว่าแหล่งทุนของดอกเบี้ยต่ำในการที่จะสร้างอาชีพให้กับกลุ่มสตรีที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
รวมถึงสตรีผู้ที่ขาดโอกาส และความเสมอภาค และในการรับโอกาสในการช่วยเหลือต่าง ๆ
กลุ่มที่ 3
คือกลุ่มที่เป็นสตรีที่มีบทบาทเป็นผู้นำอยู่แล้วเราจะทำอย่างไรให้เสริมสร้างสตรีกลุ่มนี้ได้มีโอกาสในการแสดงออก
และอยู่บนเวทีโลกได้มากขึ้น
ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นสิ่งที่เราได้เตรียมตัวคือการก้าวสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนด้วยเช่นกัน
รวมถึงการที่กองทุนที่จะบูรณาการกับทุกมูลนิธิหรือทุกหน่วยองค์กรต่าง ๆ
ที่ทำงานเกี่ยวกับสตรีอย่างไรให้เกิดศักยภาพและเสริมสร้างกัน
ถ้าถามว่าวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายที่เราต้องการคือว่า
เราอยากเห็นเรื่องของการรวมพลังในการสร้างสรรค์พลังสตรีเพราะถือว่าพลังสตรีนั้นเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศเช่นกัน
พิธีกร : คือว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับสตรีด้วย
ซึ่งอย่างที่ท่านนายกฯ กล่าวตั้งแต่ตอนต้น
แม้ว่าสตรีไทยจะเป็นผู้นำธุรกิจมากแต่ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกละเลยในสังคม
เฉพาะฉะนั้นบทบาทของกองทุนนี้ก็จะทำให้สตรีเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ
ในการสร้างอาชีพ มีการรวมกลุ่มกันพัฒนา หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดจากสตรีเหล่านี้
เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมได้อย่างไร
นายกรัฐมนตรี : เราจะมีทั้งรูปแบบของการที่เรียกว่าให้สตรี
โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ในชุมชนที่ต้องการที่จะสร้างอาชีพหรือรายได้
สร้างงานเกิดขึ้นมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในลักษณะทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ
หรืออาจจะเป็นทุนอุดหนุนซึ่งต้องแล้วแต่คณะกรรมการในจังหวัดที่จะนำพิจารณาว่าโครงการไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน
แต่สำหรับบทบาทของคณะกรรมการพัฒนากองทุนพัฒนาสตรีแห่งชาตินี้ก็จะช่วยในการวางยุทธศาสตร์ภาพรวมและกิจกรรมในการขับเคลื่อนร่วมกัน
เพื่อประโยชน์ของสตรีใน 4 เรื่องด้วยกัน ยุทธศาสตร์แรกคือ
ยุทธศาสตร์ในการที่ทำอย่างไรในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับสตรี อันที่ 2
คือ ยุทธศาสตร์ในการที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตของสตรีผู้ที่ต้องการโอกาส
หรือต้องการได้รับความเป็นธรรมและความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน กลุ่มที่ 3 คือ การพัฒนาศักยภาพของผู้นำสตรีให้ก้าวจากเวทีชุมชนไปเป็นระดับประเทศ
และรวมไปถึงระดับชาติ ที่จะเป็นความภูมิใจของคนไทยและสังคมไทยต่อไป สุดท้ายคือการรวมกันในการพัฒนาศักยภาพร่วมกับกองทุนหรือองค์กรต่าง
ๆ ที่เกี่ยวกับสตรีค่ะ
พิธีกร :
ได้ยินกองทุนนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาขณะนี้โครงการนี้มีสมาชิกกี่คน
และเริ่มมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
นายกรัฐมนตรี :
ตั้งแต่เริ่มประชาสัมพันธ์ไปให้ทางด้านของการรับรู้เรื่องของงานและภาระกิจของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
ขณะวันนี้เรามีจำนวนสมาชิกปัจจุบันที่เข้าชื่อมาเพื่อที่จะช่วยกันร่วมในการทำงานกรรมการด้วยประมาณ
8 ล้านคน
ไม่ได้หมายความว่าสมาชิกที่ไม่ได้สมัครจะไม่ได้รับสิทธิ์ในส่วนของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
พิธีกร :
สมัครได้เรื่อย ๆ
นายกรัฐมนตรี :
สมัครได้เรื่อย ๆ
และจำนวนการรับสิทธิ์คือจะรับสิทธิ์ได้จะเป็นสมาชิกหรือไม่เป็นสมาชิกก็ตาม
สามารถที่จะปรึกษาและขอในการรับสิทธิ์ต่าง ๆ ได้ในจังหวัด
พิธีกร :
มีส่วนร่วมในโครงการได้
เพราะฉะนั้นต้องพูดคุยกันว่าในแต่ละจังหวัดมีการดำเนินการอย่างไรและสามารถที่จะดูว่าโครงการของแต่ละท่านจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
นายกรัฐมนตรี :
แต่การเป็นสมาชิกจะทำให้เราได้เข้าใจความต้องการของสมาชิกได้ดีขึ้นและการติดต่อสื่อสารอาจจะเป็นไปในในทางตรงมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเราคงต้องใช้สื่ออื่น ๆ
ในการประชาสัมพันธ์เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
ซึ่งวันนี้ในส่วนของจังหวัดเราได้มีการคัดเลือกคณะกรรมการในระดับจังหวัดแล้ว
มีคนทำงานแล้วแต่อยู่ในขั้นตอนอีกขั้นตอนหนึ่งคือขั้นตอนของการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของจังหวัด
เมื่อแต่งตั้งทั้งหมดแล้วคณะกรรมการสามารถที่จะคับเคลื่อนตามวงเงินที่รัฐบาลได้มีการโอนเงินไว้อยู่ที่จังหวัด
พิธีกร :
มีการกำหนดไหมว่าแต่ละจังหวัดจะโอนเงินเท่าไร อย่างไร
นายกรัฐมนตรี :
ภาพรวมเราโอนไป ณ วันนี้ทุกจังหวัดประมาณ 20 ล้านบาท
ซึ่งในเบื้องต้นในส่วนของจังหวัดเองก็คงจะไปวางในเรื่องของวิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ
ในการทำงานทั้งหมดและมีแผนการใช้งานซึ่งในจังหวัดไหนมีการใช้งบประมาณหมดแล้ว
เราสามารถที่จะติดต่อในส่วนของคณะกรรมการที่จะโอนเงินไปเพิ่ม ซึ่งเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท
พิธีกร :
การดำเนินของโครงการถือว่ามีการดำเนินการไปบางส่วนแล้ว
ซึ่งคนที่มากำหนดทิศทางหรือว่าโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสตรีด้วยกันทั้งสิ้น
ส่วนใหญ่
นายกรัฐมนตรี :
เป็นสตรีส่วนใหญ่แต่ก็มีสุภาพบุรุษที่ทำงานเพื่อสตรีมาได้
คณะกรรมการแห่งชาติได้มีตั้งคณะอนุกรรมการทั้งหมด 5 คณะ
เพื่อที่จะเข้าไปทำการจัดกิจกรรมโดยการระดมความคิดและการมีส่วนในการร่างเนื้อหาในกรอบยุทธศาสตร์ใหญ่
และรวมถึงแผนกิจกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าคณะกรรมการนี้หรือกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้มีการเข้าถึงและการที่ได้รับฟังปัญหาและการมีส่วนร่วมทั้งภาคประชาชน
หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องสตรีทั้งหมด
พิธีกร :
คือเป็นการดูแลว่ากิจกรรมที่จะเกิดขึ้น โครงการ ยุทธศาสตร์
ในการขับเคลื่อนต่อไปนั้นเป็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี :
และในอนาคตก็จะรวมถึงในเรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ ปัญหา อุปสรรค
หรือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียบกัน
พิธีกร : ท่านนายกฯ
ได้กล่าวว่าสมาชิกกองทุนมีมากกว่า 8 ล้านคน
ถ้าลงไปดูในรายละเอียดกลุ่มคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกเป็นอย่างไรกันบ้าง
สมาชิกกองทุนฯสตรี ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพมากที่สุด |
นายกรัฐมนตรี : เรียนว่าตรงกับสิ่งที่เราได้สำรวจมาเบื้องต้นว่าจำนวนสมาชิกในกลุ่ม
8 ล้านคน มีความหลากหลายในระดับภูมิภาค อายุ การศึกษา อาชีพต่าง ๆ
สิ่งที่เราพบคือว่าร้อยละ 61 มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาท
แปลว่ากองทุนนี้สามารถที่จะตอบโจทย์ว่าที่จะต้องการที่จะสร้างรายได้คุณภาพชีวิตเรื่องของการมีอาชีพมีรายได้เข้ามาในครอบครัว
แต่ในกลุ่มนี้ประมาณ 67% พูดตรงกันว่ารายได้ที่ต่ำกว่า 5,000 บาท ไม่เพียงพอในการดำรงชีพ
พิธีกร : กองทุนฯ
จะมาตอบโจทย์ตรงนี้ ถ้ามีการรวมตัวกัน
มีการคิดโครงการก็สามารถจะสร้างรายได้ให้กลุ่มสตรีกว่า 60%
นายกรัฐมนตรี : สร้างรายได้นั้นก็แปลว่าสร้างเศรษฐกิจในครอบครัวและในชุมชนให้แข็งแรง
พิธีกร :
และเศรษฐกิจที่เป็นฐานรากจะหมุนเวียนต่อได้ด้วย
และปัญหาหรือสิ่งที่เขาอยากได้รับการช่วยเหลือมากที่สุดในช่วงนี้
ที่เราเป็นสมาชิกของกองทุนฯ คืออะไร
นายกรัฐมนตรี :
ปัญหาเรื่องแรกคือเรื่องของรายได้ไม่เพียงพอ ประการที่ 2 คือเรื่องสุขภาพ ซึ่งกลายเป็นว่ากลุ่มนี้ เพราะจริง ๆ
เราจะเข้าสู่สังคมที่เรียกว่าสังคมผู้สูงอายุ
อันนี้เป็นปัญหาสุขภาพก็สะท้อนอยู่ในกลุ่มของกองทุนสมาชิกพัฒนาบทบาทสตรีนี้
สุดท้ายคือเรื่องการที่มีความต้องการทางด้านของโอกาสทางด้านของการศึกษา อาชีพ
คือการที่ผู้ที่ขาดโอกาสมีอยู่ร้อยละ 16%
พิธีกร : เพราะฉะนั้นเท่ากับว่ากองทุนฯนี้เกิดขึ้นอย่าง… กรรมการขับเคลื่อนมีบทบาทมากขึ้น คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาเรียบร้อยแล้ว
การขับเคลื่อนโดยกลุ่มสตรีในชุมชนจะเดินหน้าไปรวมทั้งด้านมีปัญหาทางด้านรายได้ สุขภาพ
การศึกษา จะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี :
โดยหลักเราอยากให้กองทุนนี้เป็นของสตรีทุกคนและเป็นกองทุนฯที่สตรีด้วยกันหรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสตรีได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและรัฐบาลพร้อมในการที่จะอาศัยกองทุนฯ
นี้ บูรณาการทุกกระทรวงที่ทำงานเกี่ยวกับสตรีในการที่จะผลักดันเพื่อให้สตรีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมีสุขภาพที่ดีและมีสิทธิเสรีภาพ
และมีโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
พิธีกร :
ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีมาก
ท่านผู้ชมได้รับทราบแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้นั้นรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
และยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข ไม่มีสูตรสำเร็จใด ๆ
ในการแก้ไขปัญหาได้ ท่านนายกฯได้มีการลงพื้นที่
และช่วยกันในการดูแลความต้องการของคนในพื้นที่ว่าขาดอะไรบ้างและเสริมอะไรบ้างเพื่อจะทำให้การใช้ชีวิตของพื้นที่นั้นอยู่ได้อย่างมีความสุข
นอกจากนี้ยังมีการให้โอกาสกับสตรีของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
เพื่อที่จะทำให้หญิงไทยนั้นมีความเท่าเทียมกันทางด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
ช่วงนี้พักคนสักครู่ ช่วงหน้าติดตามการทดสอบการระบายว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ดีมากครับ
ตอบลบ