วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"ยิ่งลักษณ์" เผยแผนรับมือน้ำ เพิ่มความมั่นใจประชาชน



1 กันยายน 2555 - รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ได้นำเทปบันทึกภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดนิทรรศการ "มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน" วันที่ 31 ส.ค. ที่ศูนย์การประชุมบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้นำเอาประสบการณ์ด้านวิกฤตมหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา นำมาปรับปรุง แก้ไข และเตรียมพร้อมรับมือภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น รวมถึงได้น้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักในการทำงาน โดยยึดหลัก 2P2R คือ

1. การป้องกัน (Protection) แบ่งตามพื้นที่ของต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยการป้องกันของพื้นที่ต้นน้ำจะเน้นชะลอการไหลของน้ำโดยการปลูกป่า สร้างฝายชะลอน้ำ และปลูกหญ้าแฝก ขณะที่พื้นที่กลางน้ำต้องบริหารปริมาณน้ำในเขื่อนให้เหมาะสมและคำนึงถึงภัยแล้งด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รักษาระดับน้ำในเขื่อนไว้ที่เฉลี่ยประมาณร้อยละ 50 เพื่อจัดเตรียมการรองรับน้ำไว้ในเขื่อน รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่รับน้ำนอง 2.1 ล้านไร่ และปรับปรุงซ่อมแซมประตูระบายน้ำตามเขื่อนต่างๆ ที่สำคัญ

ส่วน พื้นที่ปลายน้ำ เน้นการขุดลอกคูคลองเพื่อให้น้ำไหลลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ทั้งทางฝั่งตะวันออก ตะวันตก นอกจากนี้ จะมีการเสริมถนนเพิ่มแนวคันกั้นน้ำจาก 1 ชั้นในปีที่แล้ว เป็น 3 ชั้น เพื่อปกป้องพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจของไทย รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม และเพิ่มระบบการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เกิดเหตุน้ำนองในปีที่ผ่านมา ด้วย

2. การเตรียมพร้อม (Preparation) ได้มีการบูรณาการสร้างระบบคลังข้อมูลแห่งชาติใหม่ โดยบูรณาการข้อมูลจาก 17 หน่วยงานให้เข้ามาอยู่ ณ ศูนย์เดียวกัน มีการประเมินและวิเคราะห์ทั้งหมดเป็นระบบสั่งการเดียว หรือ Single Command เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ การทำแบบจำลอง การสั่งการ การจัดการ และการเตือนภัยทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติที่มีขั้นตอนต่างๆ ต่อเนื่องในแต่ละลำดับ รวมถึงมีผู้รับผิดชอบชัดเจนลงไปยังทุกพื้นที่ชุมชน

3. การรับมือ (Response) ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือการเกิดอุทกภัยในทุกระดับของความรุนแรง ว่าจะต้องมีการยกระดับการเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ ผู้บริหารที่จะต้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบ และในการบูรณาการอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ในปีที่ผ่านมา เพื่อความพร้อมในการเผชิญเหตุและแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที และ

4. คือการฟื้นฟู (Recovery) รัฐบาลมีการกำหนดหลักเกณฑ์และสิทธิการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกกรณี ทั้งทางด้านของตัวผู้ประสบภัย ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านแพทย์ และการสาธารณสุข รวมถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำนอง หรือเส้นทางที่น้ำผ่าน เป็นต้น

ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชนว่า การจัดดนิทรรศการ มุ่งมั่นทำงานบริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชนมุ่งหวังชี้แจงสถานการณ์น้ำและการเตรียมพร้อมแก้ปัญหาน้ำแก่ประชาชน รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยจัดงานในรูปแบบนิทรรศการ บอร์ดภาพ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งการแก้ปัญหาได้น้อมนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่สำคัญ ทั้งนี้รัฐบาลได้ติดตั้งกล้องซีซีทีวี ตามเขื่อนและแม่น้ำสำคัญ ทำให้ศูนย์คลังข้อมูลในส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร ทราบถึงปริมาณน้ำและแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งต่างจากปีที่ผ่านมาที่ต้องลงพื้นที่ดูสถานการณ์ และจากการชี้แจงกับคณะทูตานุทูตและนักลงทุน ขณะนี้สร้างความมั่นใจได้มากขึ้น

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคลังข้อมูลแห่งชาติ ที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดจาก 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อนำมาวิเคราะห์ใช้วางแผนบริหารจัดการน้ำทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง ให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถเข้าไปติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำและการเตือนภัยได้ที่ www.waterforthai.com และที่แอปพลิเคชัน water4thai ซึ่งรัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบและการป้องกันอุทกภัยในเบื้องต้นแล้ว ขณะที่ระยะยาวรัฐบาลจะใช้งบประมาณ 350,000 ล้านบาท ในโครงการบริหารจัดการน้ำระยะยาว โดยมีคณะกรรมการหลายคณะร่วมดูแลควบคุมการจ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเชิญชวนบริษัทต่าง ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญร่วมเสนอแนวคิดการบริหารจัดการน้ำ และรัฐบาลได้ใช้งบประมาณ 45,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไปแล้ว ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าจากแนวทางแก้ปัญหาที่ผ่านมาจะไม่เกิดอุทกภัยรุนแรงส่งผลกระทบต่อประชาชนเท่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น