นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการประเทศไทยก้าวไกล ไร้ทุจริตคอร์รัปชั่น |
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเปิดงานในตอนหนึ่งว่า จากการรายงานผลสำรวจประจำปีการคอร์รัปชั่นใน 14 เขตเศรษฐกิจทั่วเอเชีย ของ บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมือง หรือ PERC ได้ให้คะแนนประเทศไทย 6.57 ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าปี 2554 ที่ไทยได้คะแนน 7.55 จึงถือได้ว่าแนวโน้มปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทยดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องร่วมมือและรวมพลังกันต่อไป เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นถือเป็นปัญหาของทั้งประเทศ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หากหยุดยั้งปัญหานี้ได้ ก็จะสร้างความเชื่อมั่น และ ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ และนักลงทุนต่างชาติที่ตัดสินใจจะเข้ามาลงทุนก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างจริงจังกับนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ให้เป็น 1 ใน 16 นโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการไปแล้วในส่วนของภาครัฐในหลายโครงการ ซึ่งมีความคืบหน้าไปอย่างมาก เช่น โครงการ 1 กรม 1 ป้องกันโกง หรือการเปิดสายด่วน 1206 ให้แจ้งเบาะแสได้ตลอด 24ชั่วโมง ลำดับถัดไปก็จะต้องเชื่อมต่อขยายความร่วมมือไปยังภาคเอกชน และภาคประชาชนให้มากขึ้น โดยการติดตั้งตู้รับเรื่องร้องเรียนทุจริตตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งในกทม. และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น ทำเนียบรัฐบาล ศาลากลางจังหวัด สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ธนาคารกรุงไทย บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส และห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รวมทั้งเปิดเว็ปไซต์ www.stopcorruption.go.th และเปิดสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งเครือข่ายเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ โปรแกรมไลน์ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและ ปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นแบบบูรณาการ
"รัฐบาลอยากเห็นภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ลุกขึ้นมาทำงานร่วมกัน เพราะภาครัฐฝ่ายเดียวคงทำไม่สำเร็จ เราต้องช่วยกันทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศชาติ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาว เพื่อให้ประเทศมีความเชื่อมืน และยืนอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว จากนั้น นายกรัฐมนตรี และ ครม. ได้ร่วมแปรอักษรคำว่า "stop corruption" ก่อนเขียนคำปฏิญาณลงบนกำแพงสีขาวว่า "สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย...ร่วมกันหยุดคอร์รัปชั่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น